EP 2 : Recap หนังที่ได้ไปดูในโรงหนัง ปี 2022
- มายฮีโร่อะคาเดเมีย รวมพลฮีโร่กู้โลก (เดอะมูฟวี่ 3) : รวมพลฮีโร่กู้วิกฤตโลก
- หวีดสุดขีด
- Uncharted : ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก
- พี่นาค 3
- Harry Potter 2
- Fantastic beasts : Secrets of Dumbledore
- Doctor Strange in The Multiverse of Madness
- โคนัน เจ้าสาวฮาโลวีน
- มหาเวทย์ผนึกมาร 0 (พากษ์ไทย)
- มหาเวทย์ผนึกมาร 0 (ซับไทย)
- Thor 4 : Love and Thunder
- Blue Thermal : ทฤษฎีสีฟ้า
- บุพเพสันนิวาส 2
- Bullet Train
- One piece : Film Red (รอบโรงปกติ)
- One piece : Film Red (รอบ Zigma)
- โดเรม่อนเดอะมูฟวี่ สงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ
- Neon Genesis Evagelion 3.0+1.0
- Neon Genesis Evagelion 3.33
- Neon Genesis Evagelion 2.22
- Neon Genesis Evagelion 1.11
- Harry Potter 4
- แกล้งนะ รักนะ รู้ยัง เดอะมูฟวี่
- SAO : สแกรโซแห่งสนธยาโศก
ที่มา : https://th.anngle.org/ |
แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจู่ๆ มิโดริยะบังเอิญมาพบกับ โรดี้ โซล ชายหนุ่มที่กำลังขโมยของสำคัญบางอย่างไป จนถูกทางการหมายหัวว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มวิลเลิน มิโดริยะ, โทโดโรกิ และ บาคุโก จึงต้องร่วมมือกันแก้ไขความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไปพร้อมกับการหยุดยั้งแผนการร้ายของเฟล็ก
รีวิว :
จากที่ได้ไปดูมาเนี่ย คิดว่าการกระจายบทค่อนข้างน้อยไปหน่อย อาจเป็นเพราะในเนื้อเรื่องมันเล่นระดับโลก หรือคือมีโอกาสที่ต้องโชว์ฮีโร่ในหลายๆ ตัวให้คนดูดู แต่ก็ไม่ได้ลงในหลายๆ คน เช่น เพื่อนในห้อง 1A ที่ไม่ใช่ 3 สหาย และเนื้อเรื่องก็เป็นสูตรสำเร็จเลยแหล่ะ ที่ตอนท้ายแพ้พระเอกงี้ แต่ว่าการเน้นความอินของเนื้อเรื่องสำหรับเรา เรามองว่าค่อนข้างน้อยกว่าเดอะมูฟวี่ 1 และ 2 เยอะเลยแหล่ะ ส่วนข้อดีของเรื่องนี้ก็ยังมีดีอยู่ในหลายๆ แง่ เช่นเสียงพากษ์ไทย (เราไปดูพากษ์ไทย) คือทำให้เราเข้าถึงเรื่องมันจริงๆ ฉากต่อสู้ของ 3 สหายก็ดีเลย //เราเมนอิสึคุนะ >_<
ที่มา : majorcineplex.com |
รีวิว :
สำหรับเราแนวการทำภารกิจแบบนี้เป็นแนวเปิดโลกสำหรับเรา เพราะปัจจัยนึงคือเราดูหนัง live-action ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังได้ดูแนวคล้ายๆ มาบ้างเช่น ซีรีย์ mission impossible งี้อ่ะ เลยค่อนข้างรีวิวในเชิงการดำเนินเรื่องอาจไม่ค่อยมากนัก แต่ที่อยากพูดเลยคือบทดูไม่ค่อย smooth กัน ,พระเอกก็โดนหลอกบ่อยเกิ๊น ไม่เหมือนตอนต้นที่บอกว่าฉลาด และมีไหวพริบอ่ะ แถมบทเนื้อเรื่องเราว่าไม่ค่อยอินด้วยแหล่ะ แต่ vitual effect ตอนผจญภัยนี่คือดีจริงๆ นะอันนี้ขอชมเลย
3. Fantastic beasts : Secrets of Dumbledore
ที่มา : https://movie.kapook.com/ |
รีวิว :
จากคนดู Harry Potter มาทุกภาค (แต่ไม่ขั้นรู้ลึกขนาดนั้น) แอบผิดหวังฉาก ดัมเบิลดอร์ สู้กับ กรินเดอร์วัลล์ อ่ะ แบบคือคิดว่ามันจะปังมากกว่านี้ไว้เยอะมากๆ แต่นี่คือยิงเวทย์กันไปมาเอง T-T แม้ว่าจะทำลาย item สัญญาเลือดได้แล้วก็เหอะ แต่ยังไงๆ แล้วเราก็ยังชอบ CG ฉากความสวยงาม อันเป็นเอกลักษณ์ของโลกผู้วิเศษอยู่นะ :)
4. Doctor Strange in The Multiverse of Madness
รีวิว :
ด้วยความที่เราเป็นเมนทั้งหมอแปลก และแม่วานด้า ภาคนี้คือที่สุดของความอินสุดๆ ไปเลย ไม่ว่าจะยังไงภาคนี้ก็กลายเป็น number 1 ของหนัง mcu ของเราไปแล้ว ณ ตอนนี้ ทั้งการเล่นเรื่องของ multiverse ,เวทย์มนต์ และการฉีกเนื้อเรื่องให้มาแนว horror ผสมอยู่ด้วย จากฝีมือการกำกับของ "แซม ไรมี่" รวมทั้งการปูเนื้อเรื่องไปยัง Clear หลานสาวของดอร์มัมมู เพื่อนำไปสู่เรื่อง การเกิดอินเคอร์ชั่น ด้วย โอโห้!! สุดๆ ไปเลยย
5. โคนัน เจ้าสาวฮาโลวีน
รีวิว :
เมื่อเด็ก " ซ น " ได้ไปที่ไหนที่นั่นก็ เ บิ้ ม 5555+ ภาคนี้เป็นอีกเรื่องที่เราเดาคนร้ายออกด้วย //น้ำตาจะไหล TT ไม่มีอะไรมากมายฮะ ตามสไตล์โคนันเลย แต่ก็ยังไปดูตลอดนะ เพราะ เป็น 1/2 เรื่องที่เราต้องไปดูทุกๆ ปี
6. Jujutsu Kaisen 0 (มหาเวทย์ผนึกมาร 0)
“สัญญานะ ว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่เมื่อไรยูตะจะแต่งงานกับริกะ”
ความทุกข์ทรมานจากการถูกริกะซึ่งกลายเป็นวิญญาณแค้นตามหลอกหลอน ทำให้ยูตะคิดอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าจู่ ๆ เขากลับถูกผู้ใช้คุณไสยสุดแกร่งโกะโจ ซาโตรุพาตัวมายังโรงเรียนไสยเวท การได้พบกับเซนอิง มาคิ, อินุมาคิ โทเงะ และแพนด้าซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันทำให้อคคทสึตั้งปณิธานหนึ่งกับตัวเอง
“ผมอยากได้ความมั่นใจ ว่าผมสมควรมีชีวิตอยู่ต่อ”
”ผมจะแก้คำสาปของริกะจังให้ได้ ที่โรงเรียนไสยเวทนี่แหละครับ”
แต่แล้ว “เกะโท สุงุรุ” นักสาปแช่งจอมชั่วร้ายซึ่งถูกอัปเปหิออกจากโรงเรียนไสยเวท เนื่องจากเคยก่อเหตุสังหารหมู่บุคคลทั่วไปอย่างโหดเหี้ยมกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าอคคทสึ
“วันที่ 24 ธันวาคมที่กำลังจะมาถึง พวกเราจะจัดขบวนแห่ราตรีร้อยอสูร’”
เกะโทผู้หมายมาดจะสร้างสรวงสวรรค์ที่มีแค่เพียงผู้ใช้คุณไสย ได้ปล่อยคำสาปนับพันตนสู่ชินจูกุและเกียวโตประหนึ่งต้องการกำจัดผู้ไร้วิชาให้สิ้นซาก--
ในท้ายที่สุดแล้วอคคทสึจะหยุดเกะโทได้หรือไม่ และการแก้คำสาปของริกะจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด...
รีวิว :
อนิเมะนี้เป็นอนิเมะ เดอะมูฟวี่ที่ดีที่สุดของปีนี้ (สังเกตว่าเราดูถึง 2 ครั้งเลย) เป็นเรื่องที่คนไม่เคยดู jujutsu อย่างเราเลยในตอนแรกก็เข้าไปดูแล้วรู้เรื่อง และได้ เมนเรื่องนี้ด้วยยย ก็คือ !!! "ยูตะ" ไงหล่ะ 555+ แบบแอคชั่นค่อนข้างดีเลยแหล่ะ ดีมากๆ ด้วย แต่เสียดายอยู่เรื่องเดียวคือเนื้อเรื่องด้านความสัมพันธ์ของเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ทั้งมากิ ,แพนด้า ,อินุมากิ ค่อนข้างสั้นไปหน่อย แบบ ถ้าเน้นจุดนี้ได้อ่ะเดอะมูฟวี่จะได้เต็มไปเลยยย สำหรับเรานะ
เราโดนตกแล้วฮะ 555+ |
7. Thor 4 : Love and Thunder
พวกเขาต้องร่วมมือกันผจญภัยข้ามจักรวาลไปเพื่อค้นหาความลับเบื้องหลังความแค้นของนักเชือดเทพเจ้าคนนี้ เพื่อหยุดยั้งเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะสายจนเกินไป
รีวิว :
เนื้อเรื่องเอาจริงๆ เดาทางได้ง่ายมากเลยนะ และก็เดาได้ตั้งแต่ Teaser , Trailer เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (เราไม่ได้ดูพวก comic นะ) และก็ความสนุกของภาคนี้คือเน้นไปที่ "ความฮา" ซะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเทียบกับ 3 ภาคก่อนหน้าอ่ะ แต่ก็ถูกทดแทนด้วย CG ที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะที่ขี่เรือไบฟอร์สไปหา กอร์ นั่นแหล่ะสวยจริงๆ และก็ฉากในตำนานของเรื่อง "โฉ๊ะ!" 55555555+
8. Blue Thermal : ทฤษฎีสีฟ้า
รีวิว :
เนื้อเรื่องคือเดาทางได้ง่ายมากๆๆๆ ง่ายกว่า Thor4 อีกอ่ะ T-T เราชอบฉากความสวยงามของท้องฟ้านะ แต่มันชงตัวละครได้ผิดคาดกับเรามากอ่ะ อันนี้เพนจริงงง ใครจะไปนึกว่านางคู่กับรุ่นพี่จนได้อ่ะ -..- แบบเอ้าชงมาระดับนึงเลยนะกับเพื่อนหัวส้มอีกคนอ่ะ แล้วคือหนังมันไวมากๆ ไวจนไม่อินกับความรู้สึกเลยจริงๆ โรงเรียนเหมือนไม่ใช่โรงเรียนแต่เป็นแค่คำพูดถึง เพราะไปเน้นที่ชมรมจนให้ฟิลว่า ชมรมมันใหญ่กว่าโรงเรียนไปซะงั้น
9. Bullet Train
รีวิว :
เป็นแอ็คชั่นคอมเมดี้ ที่มีส่วนผสมจากภาพยนตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การเล่าเรื่องผ่านบทสนทนา เน้น ตลก ผ่อนคลาย แม้เกี่ยวกับการฆ่าล้างแค้น แต่ก็มีเสน์ห์ให้ชวนติดตามนะ ฉากสู้กันที่ก็ค่อนข้างดีเลย ติดอย่างเดียวคือห้ามเผลอไปไหนเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ หรือเข้ามาดูช้า เพราะเนื้อเรื่องจะตัดสลับไปมาค่อนบทหลายๆ ฝ่ายบ่อยมากๆ อาจเบลอได้เลย
รีวิว :
เเม้ว่าจะเป็นการนำเรื่องมารีเมคใหม่จากปี 1985 ก็เหอะแต่ว่ามีการเพิ่มบทตัวละครมานิดนึงง คือ "ปีนะ" พี่สาวของปาปิ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วสาวกโดราเอม่อน เดอะมูฟวี่อย่างเราๆ มักจะให้ความสำคัญต่อการ "จิ้นตัวละครผู้ชายให้ประจำเรื่อง กับโนบิตะ" ก็เหอะนะ 555+ แต่สำหรับภาคนี้เหมือนความจิ้นในส่วนนี้จะไปได้ไม่สุด เพราะตัวเนื้อเรื่องไม่ค่อยเน้นความสัมพันธ์ระหว่าง ปาปิ กับ โนบิตะ มากมายนัก เมื่อเทียบกับ ฟล็อค (จากภาคเกาะมหาสมบัตของโนบิตะ) , ลูกะ (จากภาคสำรวจแดนจันทรา) , คุคุรุ (จากภาคกำเนิดญี่ปุ่น) หรือ เคิร์ธ (จากภาคพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ) และอื่นๆ อีกมากมาย 555+
ในส่วนของเนื้อเรื่องเราว่าทำมาดีเลยแหล่ะ แต่เสียดายตอนจบที่จากลากันนี่สิ แบบเหมือนรีบไปหน่อย เมื่อเทียบกับหลายๆ ภาคก่อนหน้าที่บางภาคทำเอาน้ำตาซึมได้เลย ส่วน CG ภาพเนี่ยอาจแตกต่างกับภาคไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะไปมาก แต่ก็ยังมีความคล้ายกับภาคสำรวจแดนจันทรา ผสมกับภาคเกาะมหาสมบัติเยอะเลย เป็นการเอาจุดเด่นด้านภาพมาใช้ได้ดีงามมากกก แล้วก็โดเรม่อนเนี่ย เป็น 1/2 เรื่องที่เราต้องไปดูทุกๆ ปี
12. Neon Genesis Evagelion (Rebuild ทั้ง 4 ภาค) |
รีวิว :
เรื่องนี้เป็นเรื่องสอนให้เราตับแข็งจริงๆ ฮะ (ฉากไหนหน่ะหรอ... ==> ไม่ใช่น้ำส้ม แต่เป็นอาหาร "นก" ไงหล่ะ!!) สำหรับการรีวิวเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ดูจากการที่เรานั่งดูทั้ง 4 ภาค Full เนี่ย แต่ไม่ต้องสงสัยนะทำไมเราดูจาก ภาค 4 ไป 1 งี้ เพราะเราจองรอบเรียง 1-4 ไม่ทัน TT แต่เราก็ไม่ซีเรียสเลย เพราะเรามาเสพความสวยงามของฉาก และงานภาพเท่านั้น (เราดูทุกภาค และทำการบ้านด้านเนื้อหามาก่อนและ) สำหรับใครหลายๆ คนยกให้เป็นอนิเมะที่ดีที่สุดของปีเลยด้วยซ้ำ เพราะองค์ประกอบของมันรวมกันแล้วถือว่าดีงามมากๆ จริงแหล่ะ แม้ว่าจะไม่มีฉายในโรงหนังไทยแล้วตอนนี้ แต่ก็อยากให้ลองหาดูกัน อย่างถูกลิขสิทธิ์ ให้ได้นะ เช่น Amazonprime เป็นต้น
สำหรับเรา เราชอบภาค 3.0 กับ 3.0+1.0 มากๆ นะ โดยเฉพาะการเล่นในเรื่องความรู้สึกของชินจิเนี่ย คือตอนดูนี่แอบสงสารจริงๆ นะ ภาค 3.0 เห็นคาโอรุบึ้มต่อหน้าต่อหน้า และภาค 3.0+1.0 ในช่วงแรกก็เล่นเหมือนกัน แต่ในตอนท้ายก็มูฟออนเรื่องพวกนั้นได้ในที่สุด นี่เรายังเคยคิดนะว่าถ้าเราโดนแบบนั้น เราจะรู้สึกยังไง...?
13. แกล้งนัก รักนะรู้ยัง เดอะมูฟวี่ |
รีวิว :
เรื่องนี้จะให้อารมณ์แบบ Blue-Thermal ที่ค่อนข้างกระชับไปอยู่บ้างแต่ก็ไม่ขนาดนั้น (แต่ก็ยังจบไวอยู่ดี อ้าวจบแล้วหรอ..? ) นี่ก็ดูตลอดเรื่องเลย คือ "นิชิกาตะ หรือทาคางิ ใครจะสารภาพรักมั้ยน๊าาา " สรุปไม่ได้สารภาพจ้าา แต่ก็ไม่ได้เสียดายอะไร คิดว่าการกระทำต่างๆ ในเรื่องมันอธิบายทุกอย่างหมดแล้ว แต่ก็แอบเสียดายเรื่องน้องแมว "ฮานะ" นะที่สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันต่ออ่ะ ซึ่งน้องเป็นตัวเชื่อม คสพ. ให้กับทั้งคู่ดีมากๆ จนตกใจนะที่เห็นทาคางิร้องไห้ต่อหน้านิชิกาตะแบบนั้น มันสะเทือนใจสุดๆ จริง
สำหรับเรา เราว่าเรื่องนี้ถ้าเพิ่มเวลากับเนื้อเรื่องตอนท้ายให้มันอินกว่านี้นิดหน่อยถือว่าโอเคแล้วแหล่ะ มันปูฉากซะสวยงามเลยนะของไอจุดพลุเนี่ย ส่วนงานภาพก็จะคล้ายๆ กับของอนิเมะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากนัก
วันนั้น sf ระบบล่ม TT แต่ให้อภัยแลกกับ postcard สวยๆ เนี่ย
14. Sword art online the movie : Progessive สแกรโซแห่งสนธยาโศก |
รีวิว :
แม้จะเป็นเรื่องราวในมุมของอาสินะ แต่ในฐานะที่เป็นคนดู sao ภาค 1 และ progessive แรก จบก่อนดู themovie รอบนี้ 1 สัปดาห์ เราค่อนข้างโอเคกับเนื้อเรื่องนะ แต่อาจไม่ค่อยอินมากนัก เพราะ แนวต่างโลก หรือแนวเกมฯ แบบนี้ค่อนข้างมีเยอะเหลือเกิน (บางเรื่องดีแล้วดีเลย บางเรื่องยังมองไม่เห็นความสนุกเลยด้วยซ้ำ) จึงดูแล้วมีความเบื่อนิดๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าบางเรื่อง แล้วก็ได้ยินมาว่ามีบางจุดตัดออกจากนิยาย บางจุดเพิ่มเข้ามา ซึ่งส่วนที่ตัดเข้ามาก็คิดว่าไม่ได้ตัดจนเสียเนื้อเรื่องขนาดนั้น ค่อนข้างกลืนกับ progessive แรกดีเลยแหล่ะ แล้วก็ตอนท้ายเหมือนจะสร้างปมให้ติดตามต่อใน movie ถัดไปด้วย อันนี้จะรอดูฮะ ปล.ภาพกราฟฟิคยังสวยเหมือนเดิมมม
👀 ส่งท้าย
เอาจริงๆ สำหรับหลายๆ เรื่องที่เราไม่รีวิวเลย บางเรื่องอาจเป็นหนังที่กลับมาฉายซ้ำ (เช่น Harry Potter) หรือไม่ก็เป็นหนังที่ไม่ผ่านเลย หรือก็ไม่ค่อนสนุก (คะแนนต่ำกว่า 4) ส่วนหนังที่เรารีวิวมาตอนต้นทั้ง 14. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราโอเคระดับนึง และตั้งใจมากๆ ในการไปดูหนังเหล่านั้น โดยที่ไม่มีใคร sponsor หรือสนับสนุนให้เราไปดูเลย เราดูเพราะความอยากเราล้วนๆ จริงๆ
ในปีหน้าเราก็ยังทำ Blog Recap หนังที่เราดูเหมือนเดิมม (อาจจนกว่าจะครบ 180 เรื่องไปเลย นี่แค่ 24 เอง TT) และก็ใครอยากแนะนำหนังไหนให้เราดู ก็สามารถทักมาหาเรา หรือคอมเมนต์ไว้ใต้ blog นี้ตลอดเลย และในตอนท้ายเราจะมาตามดูนะ อิ_อิ
ขอบคุณฮะ ... 💖
shota.diary
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น